ประวัติและผลงานของบุคคลในสมัยอยุธยา
บุคคลสำคัญสมัยอยุธยา
การที่ประเทศไทยของเราสามารถดำรงอยู่ได้อย่างน่าภาคภูมิใจในสังคมโลกปัจจุบันนี้ได้นั้น
ก็เพราะว่าแต่ละยุคสมัยที่ผ่านมาเราคนไทยมีบรรพบุรุษที่มีความกล้าหาญเสียสละในการปกป้องและ
สร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและสังคมมาโดยตลอด
ซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึง สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและชาวบ้านบางระจัน
เป็นตัวอย่างของพระมหากษัตริย์และประชาชน สมัยอยุธยาที่ทำประโยชน์ต่อบ้านเมือง
อันสมควรที่เยาวชนคนไทยทั้งหลายจะยกย่องสรรเสริญ และยึดถือเป็นแบบอย่าง
อนุสาวรีย์วีรชนชาวบ้านบางระจัน
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
(พ.ศ.2133 - 2148)
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเป็นพระอัจฉริยะบุคคลอย่างเต็มภาคภูมิ
ในยุคสมัยของพระองค์ ทรงเป็นนักการทหารที่มีพระปรีชาสามารถสูงเยี่ยม
จนเป็นที่เล่าขานของคนร่วมสมัยทั่วไป พระองค์เป็นสัญลักษณ์ของความเด็ดเดี่ยว
กล้าเผชิญปัญหา ที่สำคัญยิ่งอีกประการหนึ่งคือ ทรงเป็นแบบฉบับของนักการปกครอง
ที่ทรงอุทิศพระองค์เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินไทย โดยคำนึงถึงความสุขสบาย
ส่วนพระองค์เลย จนวาระสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพ
พระราชประวัติ
พระนเรศวรทรงเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรม
ราชาธิราชและพระวิสุทธิ์กษัตรี
ประสูติที่เมืองพิษณุโลกเมื่อ พ.ศ. 2098
ทรงมีพระพี่นางหนึ่งองค์และพระอนุชาผู้ซึ่งครองราชย์
สมบัติต่อมาคือ สมเด็จพระเอกาทศรถ
พระนเรศวรถูกส่งไปเป็นตัวประกันที่เมืองพะโค(หงสาวดี)
เมื่อพระ
ชนมายุ 9 พรรษา
ในคราวที่พระเจ้าบุเรงนองกษัตริย์พม่า ยกทัพมาตีหัว
เมืองฝ่ายเหนือและยึดเมืองพิษณุโลกไว้ได้และต่อมาก็ตีกรุงศรีอยุธยาได้ในปี
พ.ศ. 2112 พระมหาธรรมราชาธิราชได้ขึ้นครองราชย์สมบัติในฐานะเมืองขึ้นของพม่า
สมเด็จพระนเรศวรได้เสด็จกลับมากรุงศรีอยุธยา เมื่อพระชนมายุ
16 พรรษา
โดยได้รับการ สถาปนาให้เป็นเจ้าเมืองพิษณุโลก มีตำแหน่งใน
ฐานะอุปราชหรือวังหน้า
เมื่อพระราชบิดาเสด็จ สวรรคต พระองค์ทรงขึ้นครองราชย์สมบัติขณะมีพระชนมายุได้ 35 พรรษา
ทรงเสด็จสวรรคตที่เมืองฉาง รัฐฉานในพม่า เมื่อ พ.ศ. 2148
พระชนมพรรษาได้ 50 พรรษา
พระอนุชาคือพระเอกาทศรถได้เสด็จขึ้น
ครองราชย์สมบัติสืบต่อมาพระเกียรติคุณ
สมเด็จพระนเรศวรทรงเป็นที่รู้จักในฐานะ
"วีรกษัตริย์" หรือในพระนาม "พระองค์ดำ"
ทรงพระปรีชาสามารถในการสงครามและการปกครอง
อีกทั้งพระองค์ยังเป็นนักการต่างประเทศที่ทรงพระปรีชาสามารถในการดำเนินนโยบายอย่างกล้าหาญอีกด้วย
ในช่วงที่เสด็จกลับมาจากพม่า สมเด็จพระมหาธรรมราชาทรง
มอบหมายให้พระองค์เสด็จไปปกครองหัวเมืองเหนือ
โดยประทับอยู่ที่เมืองพิษณุโลก ในระยะเวลา 14 ปีที่ทรงปกครองหัวเมืองเหนือนั้นพระองค์ดำเนินการหลายอย่าง
ที่เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการสงครามกอบกู้เอกราช เช่น ฝึกทหาร รวบรวมกำลังคนที่หลบหนีพม่าเข้าป่า
ฝึกฝนยุทธวิธีการรบต่าง ๆ
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงแสดงพระปรีชาสามารถในการ
ช่วยกษัตริย์พม่ารบหลายครั้ง
เช่น การปราบเจ้าฟ้าไทยใหญ่เมืองดังได้สำเร็จ ทำให้เป็นที่ไม่ไว้วางใจของพม่าและวางแผนที่จะลอบปลง
พระชนม์ แต่พระองค์ทรงล่วงรู้ถึงแผนการเสียก่อน
ดังนั้นพระองค์จึงทรงประกาศอิสรภาพไม่ขึ้นกับพม่าที่
เมืองแครง ในปี
พ.ศ. 2127
พระเกียรติคุณ
สมเด็จพระนเรศวรทรงเป็นที่รู้จักในฐานะ
"วีรกษัตริย์" หรือในพระนาม "พระองค์ดำ"
ทรงพระปรีชาสามารถในการสงครามและการปกครอง
อีกทั้งพระองค์ยังเป็นนักการต่างประเทศที่ทรงพระปรีชาสามารถในการดำเนินนโยบายอย่างกล้าหาญอีกด้วย
ในช่วงที่เสด็จกลับมาจากพม่า
สมเด็จพระมหาธรรมราชาทรงมอบหมายให้พระองค์เสด็จไปปกครองหัวเมืองเหนือ
โดยประทับอยู่ที่เมืองพิษณุโลก ในระยะเวลา 14 ปีที่ทรงปกครองหัวเมืองเหนือนั้นพระองค์ดำเนินการหลายอย่าง
ที่เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการสงครามกอบกู้เอกราช เช่น ฝึกทหาร รวบรวมกำลังคนที่หลบหนีพม่าเข้าป่า ฝึกฝนยุทธวิธีการรบต่าง ๆ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ทรงแสดงพระปรีชาสามารถในการช่วยกษัตริย์พม่ารบหลายครั้ง เช่น การปราบเจ้าฟ้าไทยใหญ่เมืองคังได้สำเร็จ
ทำให้เป็นที่ไม่ไว้วางใจของพม่าและวางแผนที่จะลอบปลง พระชนม์
แต่พระองค์ทรงล่วงรู้ถึงแผนการเสียก่อน ดังนั้นพระองค์จึงทรงประกาศอิสรภาพไม่ขึ้นกับพม่าที่เมืองแครง
ในปี พ.ศ. 2127
ด้านการปกครอง
เมื่อขึ้นครองราชย์ต่อจากพระราชบิดา สมเด็จพระนเรศวรได้เริ่ม
ขยายอำนาจไปยังเมืองต่าง
ๆ เช่น ล้านช้าง เชียงใหม่
ลำปางและกัมพูชาได้ตกเป็นเมืองขึ้นของอยุธยา
เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการศึกสงครามหลายครั้ง
รวมทั้งความ
พยายามฟื้นฟูอยุธยาหลังจากที่ถูก
ปกครองโดยพม่า ทำให้พระองค์ทรง
ดำเนินนโยบายการปกครองที่เน้นระเบียบวินัยเข้มงวด
นอกจากนี้ ทรงดำเนินนโยบายการปกครองแบบดึงอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง
โดยส่งขุนนางออกไปปกครองเมือง สำคัญต่าง ๆ เช่น เมืองพิษณุโลก เมืองสุโขทัย
เมืองพิชัย
การขยายแสนยานุภาพทางการทหาร
สมเด็จพระนเรศวรทรงกระทำศึกสงครามเพื่อปกป้องบ้านเมือง
ตั้งแต่ก่อนขึ้นครองราชย์สมบัติ
และเกือบตลอดรัชสมัยที่ทรงครองราชย์
ทั้งการสงครามกับพม่าและเขมรที่ยกกองทัพเข้ามารุกราน
หัวเมืองของอาณาจักรอยุธยา
ดังที่ชาวต่างชาติชาวฮอลันดาที่เข้ามายังกรุงศรีอยุธยาได้พรรณนา
เกี่ยวกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราชว่า ทรงเป็นนักรบที่เก่งกาจ เป็น
"วีรบุรุษนักรบ" ทรงรบชนะข้าศึก หลายครั้งและในหลายดินแดน
การขยายอำนาจทางการทหารของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ทำให้เขตแดนอาณาจักรอยุธยา
แผ่ขยายออกไปกว้างไกลที่สุดนับแต่สถาปนาอาณาจักรขึ้นมา ครอบคลุมทั้งเขตแดนมอญ พม่า
ล้านนา ไทยใหญ่ ล้านช้างและเขมร
พระองค์ทรงอุทิศเวลาตลอดรัชสมัยในการทำสงครามเสริมสร้างความมั่นคงและความยิ่งใหญ่ให้กับอยุธยา
จนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพ
เหตุการณ์สงครามยุทธหัตถี
พ.ศ. 2135 กองทัพพม่าโดยพระมหาอุปราชาพระโอรสของพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรง
เป็นแม่ทัพ คุมไพร่พลจำนวน 240,000 คน
มาทางด่านเจดีย์สามองค์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงยกทัพออกไป
รับศึกที่บ้านหนองสาหร่าย เมืองสุพรรณบุรี
สงครามครั้งนี้มีความสำคัญและเป็นที่เลื่องลือในการสู้รบระหว่างสองอาณาจักร
นั้นคือสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาแม่ทัพพม่า ที่บ้านหนองสาหร่าย
สุพรรณบุรี และทรงใช้พระแสงของ้าวฟัน์ พระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์บนคอช้าง
ทัพพม่าแตกพ่ายกลับไปและหลังจากสงครามครั้งนี้กรุงศรีอยุธยาว่างเว้นการสงครามกับพม่าเป็นเวลานานมากกว่า 150 ปี
ด้านการต่างประเทศ
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงพยายามรักษาความสัมพันธ์อันดี
กับต่างประเทศทั้งด้านการฑูต
และการค้า พระองค์ทรงตระหนักถึงความสำคัญของการค้านานาชาติเป็นอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะการค้าทางทะเลเพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจอยุธยาซึ่งได้รับความเสียหายจากสงคราม
การฟื้นฟูกรุงศรีอยุธยาประการหนึ่งของพระองค์ก็คือ ทรงอนุญาต
ให้พ่อค้าชาวต่างชาติโดยเฉพาะพ่อค้าตะวันตกเข้ามาค้าขายในกรุงศรีอยุธยา
ชาวต่างชาติที่เข้ามาในรัชสมัยนี้ คือ ชาวดัตซ์หรือฮอลันดา พระองค์ทรงโปรด ฯ
ให้ฮอลันดาเข้ามาตั้งสถานีการค้าที่อยุธยาและเมืองอื่น ๆ เช่น ภูเก็ต นครศรีธรรมราช สงขลา
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
พระราชประวัติ
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
เป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระ
บรมราชาธิบดีที่
2 (เจ้าสามพระยา)
กับพระราชธิดาของพระมหาธรรมราชาที่ 2 แห่งสุโขทัย
พระองค์จึงเป็นเชื้อสายราชวงศ์สุพรรณบุรีและราชวงศ์พระร่วง
ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่งของอยุธยา
พระราชกรณียกิจที่สำคัญ
1. การรวมอาณาจักรสุโขทัยเข้ากับอยุธยา
เมื่อสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถขึ้นเสวยราชย์ใน
พ.ศ. ๑๙๙๑ นั้น
ทางสุโขทัยไม่มีพระมหาธรรมราชาปกครองแล้ว
คงมีแต่พระยายุทธิษเฐียร พระโอรสของพระมหาธรรมราชาที่ ๔
ได้รับแต่งตั้งจากอยุธยา
ให้ไปปกครองเมืองพิษณุโลก
ถึง พ.ศ. ๑๙๙๔ พระยายุทธิษเฐียรไปเข้ากับพระเจ้าติโลกราชแห่งล้านนา
พระราชมารดาของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถได้ปกครองเมืองพิษณุโลกต่อมาจนสิ้นพระชนม์เมื่อ
พ.ศ.๒๐๐๖
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถได้เสด็จไปประทับที่พิษณุโลกและถือว่าอาณาจักรสุโขทัยถูกรวมเข้ากับอาณาจักรอยุธยานับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
2. ด้านการปฏิรูปการปกครอง
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถมีพระประสงค์ที่จะดึงอำนาจเข้าสู่
ศูนย์กลางหรือราชธานี
จึงลดบทบาทของเจ้านายลงและเพิ่มอำนาจ
ให้ขุนนาง
เพื่อป้องกันการแย่งชิงอำนาจจากเชื้อพระวงศ์ เช่น ลดฐานะเมืองลูกหลวง
เมืองหลานหลวงลงเป็นเมืองชั้นจัตวาและส่งขุนนางไปปกครองแทนเจ้านาย
มีการแยกฝ่ายทหารและพลเรือนโดยใช้ขุนนางตำแหน่งสมุหพระกลาโหมดูแลกิจการฝ่ายทหาร
สมุหนายกดูแลกิจการฝ่ายพลเรือนทั่วราชอาณาจักร
ทรงตรากฎมนเทียรบาลขึ้นเพื่อความมั่งคงของสถาบันกษัตริย์
นอกจากนี้ยังทรงตราพระราชกำหนดศักดินา
ได้แก่
พระอัยการตำแหน่งนาพลเรือนและพระอัยการตำแหน่งนาทหาร
หัวเมือง
พ.ศ. ๑๙๙๘ เพื่อประโยชน์ในการลำดับชั้นของบุคคลว่ามีศักดิ์ สิทธิ์
และอำนาจหน้าที่ต่างกันอย่างไร เป็นการจัดระเบียบการปกครอง
ให้มีแบบแผนรัดกุมกว่าเดิมในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
อยุธยาทำสงครามยืดเยื้อกับอาณาจักรล้านนา ซึ่งมีพระเจ้าติโลกราชเป็นกษัตริย์
(ครองราชย์ พ.ศ. ๑๙๘๔ - ๒๐๓๐)
ทำให้สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถประทับที่เมืองพิษณุโลกนานถึง ๒๕ ปี
เพื่อดูแลหัวเมืองฝ่ายเหนือและ
เพื่อความสะดวกในการป้องกันการรุกรานของล้านนา
ในระยะนี้จึงถือว่าเมืองพิษณุโลกมีฐานะเป็นราชธานีของอาณาจักรอยุธยา
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถสวรรคตใน
พ.ศ. 2031 ทรงอยู่ใน
ราชสมบัติ 40 ปี
นับว่านานที่สุดในบรรดากษัตริย์อยุธยาทุกพระองค์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น